Читать онлайн книгу «จุดเปลี่ยน» автора Ashok Kumawat

จุดเปลี่ยน
Ashok Kumawat


จุดเปลี่ยน

45 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ

อโศกกุมาวัต
(Ashok Kumawat)
ตราด็อตโตดา Hassaya medan
©2021Ashok Kumawat
สงวนลิขสิทธิ์ห้ามทำซ้ำส่วนหนึ่งส่วนใดของสิ่งพิมพ์นี้หรือเก็บไว้ในระบบที่ดึงข้อมูลได้หรือส่งต่อในรูปแบบใดๆหรือโดยวิธีการใดๆทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยกลไกการถ่ายเอกสารการบันทึกหรืออื่นๆโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากผู้จัดพิมพ์
บทที่ 1
จุดเริ่มต้นของชีวิต-ความปรารถนา

ความปรารถนาของเราเป็นพื้นฐานของชีวิตทั้งหมดของเราการกระทำของเราคือการตัดสินใจบนพื้นของความปรารถนาของเรา
ไม่ใช่ความจริงหรอกหรือ
ให้ผมแสดงตัวอย่างสักเรื่อง–ถ้าฉันต้องการได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียนฉันจะทำอย่างไรฉันจะเรียนให้มากกว่านั้นอย่างแน่นอน
จึงเป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำของเราเป็นไปตามความปรารถนาของเรา
แต่มันยังไม่ชัดเจนว่าความปรารถนานั้นเป็นพื้นฐานของชีวิตทั้งชีวิตลองนึกภาพต้นไม้เล็กๆที่กำลังเหี่ยวเฉาดูสิแต่หากคุณรดน้ำให้กับต้นไม้นั้นโดยทันทีหลังจากเวลาผ่านไปต้นไม้นั้นก็จะฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
มันเริ่มเติบโตขึ้นด้วยการที่คุณรดน้ำต้นไม้เพียงเท่านั้นหรอกหรือ
"ไม่หรอก"
มีความปรารถนาทในดำรงชีวิตอยู่ในพืชนั้นอยู่แล้วดังนั้นเมื่อคุณรดน้ำลงไปต้นไม้จะดูดซึมมันทันทีและเจริญเติบโตต่อไปหากต้นไม้ไม่มีความปรารถนาในการดำรงชีวิตแล้วละก็มันจะมีทางรอดชีวิตไหม
เช่นนั้นมันชัดเจนแล้วว่าความปรารถนาเป็นพื้นฐานของการมีชีวิตเพราะฉะนั้นชีวิตจึงดำรงอยู่ไม่ได้หากปราศจากความปรารถนา
ดังนั้นคุณแสวงหาจุดหมายปลายทางเพียงแค่การโหยหาอย่างนั้นหรือ
"ไม่หรอก"
ความปรารถนานับร้อยบังเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคุณความปรารถนาทั้งหมดนั้นสำเร็จหรือไม่
"ไม่หรอก"
แล้วทำไมล่ะ
บอกผมเรื่องหนึ่งสิคุณอยากร่ำรวยหรือไม่หากคำตอบของคุณคือ "ใช่"แล้วคุณแค่อยากร่ำรวยในโลกใบนี้เท่านั้นหรือ "ไม่น่า"|
ในโลกนี้มีผู้คนเป็นพันๆล้านที่พวกเขาคิดอยากเป็นคนรวยแต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถกลายเป็นคนที่ร่ำรวยได้ซึ่งบางคนก็สมปรารถนาไปแล้ว
คุณเคยคิดไหมว่าทำไมถึงมีเพียงแค่คนเหล่านั้นที่ทำสำเร็จ
ถ้าคุณคิดตรึกตรองดูให้ดีคุณจะพบว่าคุณไม่มีวันไปถึงจุดหมายที่ไม่สำคัญต่อคุณมากพอได้ในขณะที่คุณจะได้รับในสิ่งที่สำคัญมากพอสำหรับคุณซึ่งเป็นสิ่งที่คุณทุ่มเทให้อย่างเต็มที่ต่างหาก
ความปรารถนามากมายเกิดขึ้นในใจของคุณในแต่ละวันแต่มันจะไม่มีทางสำเร็จไปได้เลยตราบเท่าที่มันจะสำคัญมากพอสำหรับคุณ
ดังนั้นมันชัดเจนแล้วว่า–
(1). การมีชีวิตมันจำเป็นต้องมีความปรารถนาด้วย
(2). การจะไปถึงจุดหมายได้ความปรารถนาเป็นสิ่งสำคัญ
บทที่ 2
การตั้งเป้าหมาย

คุณตั้งเป้าหมายของคุณแล้วหรือยังถ้าใช่–คุณก็สามารถไปสู่ขั้นต่อไปที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ถ้าไม่– ก็จงหยุดก่อน
แล้วมองไปรอบๆตัวคุณสิทุกคนทำอะไรบางอย่างลงไปก็เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองทั้งสิ้นบางคนไปทำงานเพื่อหารายได้บางคนกำลังจะเรียนกีตาร์และบางคนกำลังฝึกร้องเพลงอยู่มนุษย์ทุกคนมีจุดประสงค์บางอย่างเสมอ
สังเกตดูพ่อและแม่ของคุณสิแม่ของคุณทำอาหารสำหรับคุณจุดประสงค์ของเธอก็เพื่อจะไม่ให้เกิดความหิวโหยพ่อของคุณไปทำงานก็เพื่อตอบสนองต่อความจำเป็นของคุณพวกเขาทั้งสองคนทำงานเพื่อที่พวกเขาและคุณจะได้มีความสุขพวกเขามีวัตถุประสงค์ในการทำงาน
พวกเขาจะทำงานหรือไม่หากพวกเขาไม่มีเป้าหมาย –"ไม่หรอก"
ดังนั้นเข้าใจสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีงานใดสำเร็จได้โดยปราศจากวัตถุประสงค์ดังนั้นคุณต้องสร้างเป้าหมายให้ชัดเจนในตอนนี้
คุณจะตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนได้อย่างไร
ให้ผมช่วยคุณนะบอกผมสักหน่อยเกี่ยวกับงานที่คุณมีความสุขหลังจากที่ได้ทำมันไปแล้ว
ต้องขอโทษด้วยโปรดอย่าบอกผมเกี่ยวกับคุณสมบัติของคุณนะผมไม่อยากทราบมัน
ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่ง
คุณโปรดปรานการร้องเพลงหรือไม่หรือคุณชอบเล่นกีตาร์บ้างไหมหรือคุณโปรดปรานอาหารใช่ไหมหรือคุณชอบดูวิดีโอหรือไม่หรือคุณชอบดูหนังกันบ้างหรือเปล่า
มันก็เป็นไปได้เช่นเดียวกันหากว่าคุณชอบทำงานอย่างอื่นคุณควรรักษาความรู้สึกนี้ไว้ในใจ
งานอะไรก็ตามที่คุณชอบที่ได้ทำคุณควรทำให้มันเป็นเป้าหมายของคุณ
เดี๋ยวรอก่อนคุณอาจจะบอกผมว่าทุกคนก็ชอบร้องเพลงกันทั้งนั้นและการดูวิดีโอมันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนควรจะได้เป็นนักร้อง (หรืออะไรทำนองนั้น) และคุณกำลังคิดว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนักร้องหรอก
ผมอยากจะบอกอะไรคุณสักอย่างให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า –
มันอาจเป็นเรื่องยากสักหน่อยที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานที่ทุกๆคนชื่นชอบโดยทำให้มันบรรลุเป้าหมายได้แต่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้นี่เพียงคุณจะต้องมีการแข่งขันในสนามแข่งที่ใหญ่มากแต่ถ้าคุณได้เป็นนักร้องและเพลงของคุณเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ – สิ่งนี้จะบรรลุวัตถุประสงค์สองประการของคุณคือ –
(1) คุณจะได้รับเงินจำนวนมากและ
(2) คุณยังจะได้รับชื่อเสียงอีกด้วย
หากคุณนึกถึงเรื่องคุณสมบัติคุณก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้แม้ว่าเป้าหมายจะตั้งขึ้นหลังจากนั้นก็ตาม
คุณบอกผมว่า "ฉันโปรดปรานในการกิน"
ดังนั้นจงสร้างผลิตภัณฑ์ที่คุณชอบมากๆขึ้นมาแล้วเปิดบริษัทที่คุณจะได้นำเสนอมันไปทั่วทุกมุมโลก
ถ้าคุณเลือกเป้าหมายที่สอดคล้องกับความสนใจของคุณแล้วคุณจะมีความสุขในขณะที่ทำงาน
คุณยังไม่ได้ตั้งเป้าหมายของคุณใช่ไหม
หากคุณไม่สามารถตั้งเป้าหมายให้สอดคล้องกับตัวเลือกของคุณได้ให้ผมหาคุณสมบัติของคุณในตอนนี้เลย
อืมมม …
คุณสมบัติของคุณก็เป็นเรื่องที่ดีแต่มันเป็นเวลาของการแข่งขันให้ผมคิดสักหน่อย…
ถ้าคุณจะต้องตั้งเป้าหมายบนพื้นฐานของคุณสมบัติของคุณแล้วให้นึกถึงสิ่งเหล่านี้ –
(1). ก่อนอื่นสำรวจดูว่าอะไรคือโอกาสขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของคุณ
คุณจะทำอย่างไร – ความสามารถในการใช้อินเทอร์เน็ตได้
ตอนนี้เขียนมันลงไปบนกระดาษ
(2). ตอนนี้เขียนลงในกระดาษแผ่นเดียวกันถึงจำนวนเงินที่คุณต้องการได้รับต่อเดือน แล้วทำให้คุณมีความสุขมันอาจจะเป็น 1,000 ดอลลาร์อาจเป็น 2,000 ดอลลาร์หรือมากกว่านี้อีกสักหน่อย – 10,000 ดอลลาร์เลยไหมคุณจะต้องเขียนมันให้ชัดเจน
(3). ตอนนี้มุ่งมั่นค้นหาโอกาสให้สอดคล้องตามจำนวนเงินที่คุณต้องการ
(4). คุณมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ถ้าใช่ – ให้พยายามบรรลุเป้าหมายเดียวกันนั้น
(5). "ถ้าไม่ใช่"– จงสร้างโอกาสใหม่ให้สอดคล้องตามจำนวนเงินที่คุณปรารถนาถ้าความปรารถนาโดยรวมทั้งหมดของคุณมันใหญ่มากดังนั้นคุณต้องสร้างโอกาสใหม่ๆและคุณต้องกระจายงานด้านอื่นๆให้กับผู้อื่นได้ช่วยคุณทำด้วย

บทที่ 3
การลงมือทำ

บ่อยครั้งที่ผู้คนมักตั้งเป้าหมายแต่ไม่ลงมือทำตามเป้าหมายแล้วก็ล้มเหลว
ให้ผมอธิบายสักหน่อย "นักศึกษาคนหนึ่งจะเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุดได้" – นั่นคือสิ่งที่กำหนดเป้าหมายเป้าหมายของนักศึกษาคนนั้นชัดเจนแต่เขาจะกลายเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุดได้อย่างไร
นักศึกษาคนนั้นจะไม่มีวันกลายเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุดได้หากว่าเขา/เธอไม่ดำเนินการตามเป้าหมายของเขา/เธอเว้นเสียแต่ว่าเขา/เธอได้ศึกษาหาความรู้
เป้าหมายของนักศึกษาจำนวนมากก็คือต้องการกลายมาเป็นบุคคลที่มีคะแนนสูงสุดแต่มีนักศึกษาเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำได้ – เพราะว่าพวกเขาดำเนินการสอดคล้องกับเป้าหมายของพวกเขา
ดังนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่าหากการกระทำไม่สัมพันธ์กับความปรารถนาแล้วล่ะก็ความสำเร็จก็จะไม่บังเกิดขึ้น
คุณต้องลงมือทำเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของคุณเองตัวอย่างเช่นถ้าคุณกำลังหิวมันไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยการดื่มน้ำคุณต้องกินเพื่อบรรเทาความหิว
นั่นคืออะไรก็ตามที่คุณต้องการคุณจะต้องลงมือกระทำ
อืม …
คุณกำลังบอกผมว่าคุณได้ลงมือทำไปแล้วแต่ผลลัพธ์ไม่ได้ตามที่คุณคาดหวังหลายคนแซงหน้าคุณไปแล้ว
ผมมีคำตอบสำหรับคุณ

บทที่ 4
การทำงานอย่างเต็มกำลัง

เป้าหมายที่คุณต้องตั้งไว้สำหรับตัวเองเป้าหมายเดียวกันที่ใครหลายคนต้องตั้งไว้สำหรับตัวเองแต่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่บรรลุเป้าหมายอะไรคือเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ถ้าให้ผมตอบเพียงคำเดียวนั่นคือ – "ทำงานอย่างเต็มกำลัง"
ยิ่งคนทำงานหนักมากเท่าไหร่โอกาสแห่งความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เพื่อนเอ๋ย! หลายคนไปทำงานที่โรงงานในตอนเช้าและกลับมาในตอนเย็นหลายคนทำงานราวกับกรรมกรเพื่อสร้างบ้านสักหลัง
พวกเขาทุกคนต้องทำงานหนักขนาดนั้นเลยหรือ
คุณกำลังจะพูดว่า – แน่นอนว่าคนพวกนั้นได้ทำงานอย่างหนัก
ดังนั้นมันหมายความว่ายังไงทำไมคนที่ทำงานหนักถึงมีเงินไม่มากมายล่ะ
เพื่อนเอ๋ย! คุณจะทำงานหนักเพื่อปลูกต้นสะเดาและหวังว่าถ้าคุณได้ผลแอปเปิ้ลจากต้นนั้นมันจะเกิดขึ้นไหมเล่า
"ไม่สิ"
เพราะคุณต้องทำงานหนักเพื่อปลูกต้นสะเดาดังนั้นคุณจะเอาผลิตผลเป็นสะเดาไม่ใช่ลูกแอปเปิ้ล
ดังนั้นมันชัดเจนว่าการทำงานหนักแต่ทำอย่างมีทิศทางที่ถูกต้องคุณควรทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายเท่านั้น
บทที่ 5
การมุ่งความสนใจ

จงคิดเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายที่คุณตั้งไว้เท่านั้นหากคุณมุ่งความสนใจไปมากกว่าหนึ่งเป้าหมายพร้อมกันโอกาสในการประสบความสำเร็จของคุณก็น้อยมาก
เมื่อคุณตั้งเป้าหมายเพียงเป้าหมายเดียวสมองของคุณจะพยายามบรรลุเป้าหมายนั้นในทุกวิถีทางในสภาวะนี้ดวงจิตของคุณจะมุ่งความสนใจเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น
ตอนนี้ให้จินตนาการว่าคุณกำลังยืนอยู่บนเรือที่กำลังลอยน้ำอยู่คุณเห็นหมู่เกาะสองแห่งในเวลาเดียวกันใครบางคนบอกคุณว่าบนเกาะแห่งหนึ่งมีกล่องที่เต็มไปด้วยทองกับอีกเกาะหนึ่งที่มีเงินมากมายอยู่ในกล่องดังนั้นคุณจะทำอย่างไรต่อไป
คุณจะเอากล่องเหล่านั้นมาพร้อมกันจากทั้งสองเกาะงั้นหรือ
"ไม่ได้สิ"
คุณจะเอากล่องแรกและจากนั้นจึงไปเอากล่องที่สอง
นั่นคือคุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสองอย่างพร้อมกันได้อันดับแรกคุณต้องทำเป้าหมายหนึ่งให้สำเร็จเสียก่อนจึงไปทำอีกเป้าหมายหนึ่งให้สำเร็จต่อจากนั้น
ดังนั้นจงตั้งเป้าหมายทีละหนึ่งอย่างมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมายเดียวในแต่ละครั้ง
หากคุณต้องการประสบความสำเร็จคุณต้องมุ่งมั่น
มีวิธีใดบ้างที่คุณจะสามารถเพิ่มการจดจ่อ/ การมุ่งความสนใจ
"ใช่เลย"
ผมจะบอกคุณว่าคุณจะทำมันได้ยังไง
พาตัวเองไปที่ห้องใดห้องหนึ่งก็ได้ในบ้านของคุณ ห้องที่ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากคุณบรรยากาศในห้องของคุณควรจะมีความผ่อนคลายบ้างมันไม่ควรจะมีเสียงใดๆเลยปูพรมอย่างเรียบง่ายบนพื้นห้องปิดไฟในห้องของคุณแล้วนั่งลงบนพรมผืนเดียวกันนั้นตอนนี้ให้หลับตาลงเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจของตัวคุณเองเมื่อหายใจเข้าและหายใจออก – แค่รู้สึกตัวอย่างคนรู้สึกตัว
นั่นคือทุกอย่าง
คุณต้องทำ 5 นาทีในช่วงเริ่มต้นแต่ค่อยๆเพิ่มระยะเวลาขึ้น
คุณจะเริ่มทึ่งถึงผลลัพธ์ทีเดียวการทำเช่นนี้พลังสมาธิของคุณจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น
บทที่ 6
อำนาจแห่งจิต

หากปราศจากอำนาจแห่งจิตก็ไม่มีงานใดสำเร็จได้คนที่มีอำนาจแห่งจิตที่มากกว่าในการทำงานโอกาสที่บุคคลนั้นจะประสบความสำเร็จในการทำงานนั้นก็มากยิ่งขึ้น
แต่ทำไมอำนาจแห่งจิตถึงมีความสำคัญมากนัก
ให้ผมยกตัวอย่างให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่งเพื่อนเอ๋ย! คุณเคยเห็นมดตัวเล็กๆแบกเมล็ดข้าวสาลีที่ใหญ่กว่าขนาดตัวของมันหลายเท่าหรือไม่มดตัวเล็กๆนั้นจะแบกสิ่งที่ใหญ่กว่าน้ำหนักของมันได้อย่างไรกัน
นี่คือพลังแห่งจิตตานุภาพหากคุณเข้าใจถึงสิ่งนี้คุณก็สามารถทำงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้อย่างง่ายดาย
พลังใจ = พลัง + ความตั้งใจ
ซึ่งหมายความว่าคุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จโดยพิจารณาจากความปรารถนาที่แข็งแกร่งที่มีอยู่ในตัวคุณ
แต่คุณจะเพิ่มพลังจิตตานุภาพได้อย่างไร
มันเป็นเรื่องทีง่ายมาก – อะไรก็แล้วแต่ที่คุณต้องการได้รับเสริมกำลังความปรารถนานั้นให้มากยิ่งขึ้น
เชื่อผมสิเพื่อนเอ๋ย! คุณสามารถทำสิ่งนี้ได้
บทที่ 7
การจัดสรรภารกิจประจำวัน

คุณทำงานสำคัญในระหว่างวันได้เมื่อใดเช้านี้คุณทำไหมคุณทำระหว่างวันหรือไม่ทำมันได้ในช่วงตอนเย็นๆหรือไม่
บอกผมสิว่า ช่วงเวลาใดที่คุณกระฉับกระเฉงที่สุดในตลอดทั้งวันนี้
เมื่อคุณตื่นขึ้นจากการนอนนั่นคือในช่วงเช้า
ดังนั้นคุณควรทำงานที่สำคัญทั้งหมดของคุณในตอนเช้าในตอนเช้าสมองของคุณจะตื่นตัวมากณเวลานี้อะไรก็ตามที่คุณต้องการที่จะเรียนรู้คุณสามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย
เมื่่อคุณตื่นขึ้นมาจากการนอนแล้วรู้สึกสดชื่นนั่นแหละในเวลานี้ความคิดที่ไร้สาระจะไม่ได้อยู่ในใจคุณอีกแล้วดังนั้นให้เลือกเวลานี้เพื่อทำงานที่สำคัญที่สุดของคุณ
แบ่งงานของคุณออกเป็น 3 ส่วนในแต่ละวัน–
(1). งานที่สำคัญที่สุด
(2). งานบางอย่างที่สำคัญรองลงมา
(3). งานที่สำคัญน้อยลงมา
(4). บทบาทด้านความบันเทิง

(1). ทำงานที่สำคัญที่สุดในช่วงแรกของวันในเวลานี้อย่าคิดอะไรทั้งสิ้นมีแต่งานเท่านั้น
(2). หลังจากเสร็จงานที่สำคัญที่สุดแล้วพักสักครู่เติมพลังให้ใจของคุณตอนนี้ทำงานที่สำคัญน้อยรองลงมา
ถ้ามันเสร็จสมบูรณ์แล้วคุณจะต้องพักสักครู่หากคุณต้องการจะสร้างความบันเทิงสักหน่อย
(3). ทำงานที่สำคัญน้อยที่สุดในช่วงสุดท้าย
บทที่ 8
การตื่นนอนแต่เช้าตรู่

คุณตื่นกี่โมงงั้นหรือหลังจากพระอาทิตย์ขึ้นแล้วใช่ไหม
การตื่นเช้ามีประโยชน์มากมายให้ผมบอกคุณว่าต้องทำยังไง
(ก). เมื่อคุณตื่นนอนแต่เช้าบรรยากาศรอบๆตัวคุณยังคงสงบในช่วงเวลานี้
(ข). ช่วงนี้จะไม่มีบรรยากาศแห่งพลังงานลบ
(ค). หากคุณทำงานที่สำคัญในช่วงเวลานี้จะไม่มีใครจะมารบกวนคุณ
(ง). ในเวลานี้อารมณ์ความรู้สึกของคุณจะสดชื่นขึ้นมากความคิดไร้สาระจะไม่เข้ามาในหัวของคุณเลย
(จ). การตื่นนอนแต่เช้าตรู่ยังช่วยขจัดพลังงานด้านลบของคุณได้อีกด้วย

บทที่ 9
ความแข็งแกร่งของจิตใจ

จิตใจคือส่วนที่ทรงพลังที่สุดในร่างกายของเราจิตของเราสามารถเข้าถึงทั่วทุกมุมโลกในช่วงเวลาเพียงแว็บเดียวสิ่งนั้นเคยเกิดขึ้นกับคุณหรือไม่
“เคยสิ” |
จิตใจของคุณคือความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณหากคุณบอกจิตของคุณให้ทำงานให้เสร็จลุล่วงให้ได้มันจะพยายามทำให้เสร็จสมบูรณ์ในทุกวิถีทางแต่หากว่าอะไรที่คุณไม่สั่งจิตของคุณให้ทำอะไรในบางอย่างแล้วล่ะก็ในสภาวะนี้คุณจะมีแต่ความคิดฟุ้งซ่านซึ่งก่อให้เกิดความไม่สงบคุณจะไม่สามารถไปถึงจุดมุ่งหมายได้เลยในสภาวะแบบนี้

ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตคุณต้องควบคุมจิตใจของตัวเองให้ได้ก่อน
ทำไมสมองของคุณจึงนำพาความคิดฟุ้งซ่านมาสู่ตัวคุณ
ก่อนอื่นคุณต้องรู้ว่าสมองคุณรับข้อมูลนี้มาจากที่ใดการมองเห็นผ่านสายตาการได้ยินผ่านหูการสัมผัสทางกายหรือการดมกลิ่นผ่านจมูกการรับรสด้วยลิ้น – สมองรับข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าส่วนนี้
(1). การมองเห็นผ่านทางสายตาเมื่อดวงจิตมองเห็นบางอย่างสวยงามผ่านทางสายตามันจะบันทึกข้อมูลนั้นไว้ภายในด้วยตัวมันเองข้อมูลนี้นำพาความคิดมาสู่ตัวคุณครั้งแล้วครั้งเล่าสิ่งเหล่านี้มันจะรบกวนจิตใจของคุณนี่เป็นเหตุผลแรกของความคิดที่จะรบกวนตัวคุณ
(2). รับรู้ด้วยการฟังด้วยหู: เมื่อคุณได้ฟังดนตรีที่ไพเราะสมองคุณจะเก็บบันทึกไว้ภายในตัวคุณเช่นกันข้อมูลเหล่านี้ (เสียงดนตรี) นำความคิดมาสู่คุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกไม่สงบนี่คือเหตุผลต่างๆที่ได้นำพาความคิดมารบกวนคุณ
(3). การสัมผัสรสด้วยลิ้น: เมื่อคุณทานบางอย่างที่รสชาติอร่อยแล้วคุณรู้สึกดีกับมันดวงจิตของคุณจะต้องการให้คุณมีความสุขกับมันอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าดังนั้นสมองของคุณจะบันทึกข้อมูลไว้ในโลกภายในตัวคุณซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุของสิ่งที่รบกวนคุณ
(4). การได้กลิ่นผ่านทางจมูก: หากว่าคุณไปที่สวนดอกไม้และได้กลิ่นหอมของดอกไม้แล้วคุณรู้สึกพอใจกับกลิ่นดอกไม้นั่นดวงจิตของคุณจะต้องการหาความสุขแบบนั้นอีกในอนาคตดังนั้นสมองของคุณจะบันทึกข้อมูลไว้ภายในตัวมันเองและนำความคิดแบบเดิมมาตัวสู่คุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งก็เป็นสาเหตุที่รบกวนใจคุณ
(5). การสัมผัสทางกาย: ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น- ชี้ชัดถึงความคิดที่รบกวนจิตใจที่จะเกิดขึ้นหลังจากการสัมผัสทางกาย
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าทำไมความคิดที่รบกวนจิตใจถึงได้เข้ามาสู่โลกภายในของคุณได้ถ้าคุณต้องการกำจัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้คุณต้องปล่อยวางจากมัน
คุณไม่จำเป็นต้องยับยั้งมันแต่ในระดับที่ต่ำที่สุดคุณจะต้องปล่อยวางจากสิ่งเหล่านี้ให้ได้ดังนั้นความคิดที่ไร้ประโยชน์จะไม่เข้าใกล้คุณได้เลย

Конец ознакомительного фрагмента.
Текст предоставлен ООО «ЛитРес».
Прочитайте эту книгу целиком, купив полную легальную версию (https://www.litres.ru/pages/biblio_book/?art=66501126) на ЛитРес.
Безопасно оплатить книгу можно банковской картой Visa, MasterCard, Maestro, со счета мобильного телефона, с платежного терминала, в салоне МТС или Связной, через PayPal, WebMoney, Яндекс.Деньги, QIWI Кошелек, бонусными картами или другим удобным Вам способом.